โรคประสาทหูเสื่อมเฉียบพลัน
โรคประสาทหูเสื่อมเฉียบพลัน คือ การเสื่อมของหูชั้นในข้างเดียว หรือสองข้างอย่างรวดเร็วภายในช่วงเวลาเป็นนาทีชั่วโมง หรือวัน โดยผลตรวจการได้ยินของหูข้างเดียวหรือสองข้างอยู่ที่ระดับ 30 เดซิเบลขึ้นไป โดยผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการอื่นๆร่วมด้วย เช่น มีเสียงดังรบกวนในหู เวียนศีรษะหมุน อาเจียน หรือเซ เสียการทรงตัว โรคนี้ถือเป็นภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์ สาเหตุโรคประสาทหูเสื่อมเฉียบพลัน ส่วนใหญ่ยังไม่ทราบสาเหตุชัดเจน แต่มีหลักฐานว่าอาจเกี่ยวข้องกับการติดเชื้อไวรัสบางชนิด หรือเกิดจากการเสื่อมของหลอดเลือดที่มาเลี้ยงหูชั้นใน มีส่วนน้อยที่ทราบสาเหตุได้แก่ สาเหตุจากการกระแทกที่ศีรษะ การติดเชื้อซิฟิลิส เนื้องอกของประสาทหู การซักประวัติ การตรวจร่างกายอย่างละเอียด หรือการตรวจการได้ยิน และการตรวจพิเศษเพิ่มเติม ทำให้พบสาเหตุได้ 10-30 % การรักษาโรคประสาทหูเสื่อมเฉียบพลัน ในกรณีที่ผู้ป่วยมาพบแพทย์ภายใน 2-4 สัปดาห์แรกที่มีอาการ แพทย์จะแนะนำให้นอนโรงพยาบาล เพื่อให้ผู้ป่วยได้พักและรับการดูแลรักษาอย่างเต็มที่ ส่วนยาที่ใช้รักษาโรคประสาทหูเสื่อมเฉียบพลันมีหลายชนิด เช่น ยาสเตียรอยด์ (Prednisolone) ซึ่งจะช่วยลดอาการอักเสบของหูชั้นใน แต่ยาอาจระคายกระเพาะอาหาร แพทย์มักสั่งให้กินพร้อมยาลดกรด – ยาวิตามินบี 1 – 6 – 12 บำรุงประสาท – ยาขยายหลอดเลือด(Betahistine) ยาเพิ่มการใช้ออกซิเจนที่หูชั้นใน (Almitrine หรือ Raubasine) – Hyperbaric Oxygen ระยะเวลาการรักษา ขึ้นอยู่กับการตอบสนองของผู้ป่วยส่วนใหญ่การรักษาด้วยยากินใช้เวลา 2-4 สัปดาห์ สำหรับยาฉีด Meglumine Diatrizoate จะฉีดจนครบ 10 วัน หากการได้ยินไม่ดีขึ้นจึงหยุดยาผู้ป่วยบางรายอาจได้รับการตรวจพิเศษเพิ่มเติม เพื่อหาสาเหตุของประสาทหูเสื่อม เช่น การเจาะเลือดเพื่อตรวจหาระดับเม็ดเลือด น้ำตาล ไขมัน โรคซิฟิลิส ฮอร์โมนไทรอยด์ เป็นต้น นอกจากนี้ผู้ป่วยจะได้รับการตรวจการได้ยินเป็นระยะ เพื่อดูการฟื้นตัวของประสาทหู หากผลตรวจการได้ยินหลัง 1 เดือน ยังไม่ฟื้นเป็นปกติ แพทย์อาจนัดตรวจพิเศษ เช่น ตรวจการได้ยินระดับก้านสมอง (ABR) ตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT scan) หรือคลื่นสนามแม่เหล็ก (MRI) ของประสาทหู เพื่อหาสาเหตุอื่นๆ การป้องกันและการฟื้นฟูประสาทหู
  1. หลีกเลี่ยงเสียงดัง
  2. ถ้าเป็นโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูงสูงไขมันในเลือดสูง โรคไตโรคกรดยูริกในเลือดสูง โรคซีด โรคเลือด ควบคุมโรคให้ดี
  3. หลีกเลี่ยงการใช้ยาที่มีพิษต่อประสาทหู เช่น Aspirin aminoglycoside quinine
  4. หลีกเลี่ยงอุบัติเหตุ หรือการกระทบกระเทือนบริเวณหู
  5. หลีกเลี่ยงการติดเชื้อของหู หรือการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจส่วนบน
  6. ลดอาหารเค็ม หรือเครื่องดื่มบางประเภท ที่มีสารกระตุ้นประสาท เช่น กาแฟ ชา เครื่องดื่มน้ำอัดลม (มีสารคาเฟอีน)งดการสูบบุหรี่ (มีสารนิโคติน)
  7. พยายามออกก าลังกายสม่ำเสมอ ลดความเครียด วิตกกังวล
  8. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
ส่วนใหญ่โรคประสาทหูเสื่อมเฉียบพลัน ถ้าผู้ป่วยมาพบแพทย์เร็ว โดยเฉพาะใน 2 สัปดาห์แรกหลังเป็น (Goldenperiod) และได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม จะมีโอกาสสูงที่จะมีการได้ยินกลับมาเป็นปกติได้ (ส่วนใหญ่การได้ยินมักจะดีขึ้นภายใน 2 สัปดาห์แรกของการสูญเสียการได้ยิน) ดังนั้นเมื่อรู้สึกว่ามีการได้ยินในหูท่านลดน้อยลงอย่างเฉียบพลัน อย่างนิ่งนอนใจรีบมาพบแพทย์หู คอ จมูกโดยเร็ว เพราะถ้าให้การรักษาช้าไปอาจเกิดความพิการในหูอย่างถาวรได้ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือทำนัดหมาย กรุณาติดต่อ : แผนกตา หู คอ จมูก โรงพยาบาลกรุงเทพเมืองราช
โทร. 032-322274-80 ต่อ 371, 375